- ต้นกล้า
- การปลูก
- การเจริญเติบโต
- ห่อถุง
- เก็บเกี่ยว

แต่คือพืชที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กล้วยหอมทอง และ กล้วยหอมเขียว
(Gros Michel)
(Cavendish)
กล้วยหอมทองเมื่อสุกผิวผลจะมีสีเหลืองทองสวย รสชาติและรสสัมผัสถูกปากผู้บริโภคชาวไทย แต่เปลือกบางและให้ปริมาณผลผลิตน้อยกว่า
ในขณะที่กล้วยหอมเขียวเมื่อสุกผิวผลจะยังคงเป็นสีเขียว ดูค่อนข้างยากว่าพร้อมรับประทานหรือยัง เปลือกหนา แต่ให้ปริมาณผลผลิตที่มากกว่า
เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย
ระดับความสุกของกล้วยยังส่งผลโดยตรงต่อคุณค่าทางโภชนาการ เมื่อกล้วยเริ่มสุก แป้งที่อยู่ในเนื้อกล้วยจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นน้ำตาล ทำให้รสชาติหวานขึ้นและย่อยง่ายขึ้น พร้อมทั้งส่งผลต่อสารอาหาร ที่แปรผันไปตามช่วงความสุกของผล
ระดับความสุกของกล้วย

คุณค่าทางโภชนาการ
แป้งทนย่อยสูง มีพรีไบโอติกส์

คุณค่าทางโภชนาการ
ใยอาหารสูง น้ำตาลต่ำ

คุณค่าทางโภชนาการ
สารต้านอนุมูลอิสระสูง มีใยอาหาร ให้พลังงาน

คุณค่าทางโภชนาการ
วิตามินและแร่ธาตุน้อยลง น้ำตาลสูงขึ้น

คุณค่าทางโภชนาการ
น้ำตาลสูงสุด ใยอาหารน้อยลง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พื้นที่ปลูกกล้วยหอมทองในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง แต่ผลผลิตต่อไร่กลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการผลิต และการจัดการแปลงปลูกของเกษตรกร
เทคนิคชักนำกล้วยหอมต้นเตี้ย
ด้วยสารควบคุมการเจริญเติบโต
“แพคโคลบิวทราโซล”
ถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
ซึ่งสามารถลดความสูงของต้นกล้วยลงจากเดิมได้ประมาณ 1 เมตร
เพื่อลดปัญหาการหักโค่นของต้นกล้วยจากวาตภัย แต่ส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิต
อย่างไรก็ดีอยู่ระหว่างการศึกษาถึงความเข้มข้นของสารแพคโคลบิวทราโซที่เหมาะสม
ที่สามารถลดความสูงต้นและส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตน้อยที่สุด
เทคนิคการปลูกต้นกล้วยหอมทอง
แบบแถวเดี่ยว
ในระยะ 1.5 - 2 x 2 เมตร
ประโยชน์ของเทคนิคการปลูกนี้
จะเก็บเกี่ยวในช่วงสุกแก่ประมาณ 70 – 80% เห็นเหลี่ยมผลมากขึ้น
จะเก็บเกี่ยวเมื่อสุกแก่มากกว่า คือประมาณ 90 - 100% กล้วยจะกลม มีเหลี่ยมผลน้อย
- ตาก (GI กล้วยหอมทองพบพระ)
- ชัยภูมิ (GI กล้วยหอมทองหนองบัวแดง)
- เพชรบุรี (GI กล้วยหอมเพชรบุรี)
- ปทุมธานี (GI กล้วยหอมทองปทุม)
- ชุมพร (GI กล้วยหอมทองละแม)
- พะเยา
- เชียงใหม่
- อุดรธานี
- นครราชสีมา
- สุรินทร์
- หนองคาย
- บุรีรัมย์
- อุบลราชธานี
- บึงกาฬ
- กาญจนบุรี
- อ่างทอง
- สิงห์บุรี
- นครสวรรค์
- สุราษฎร์ธานี
- พัทลุง
ปริมาณการบริโภคกล้วยหอมทองในประเทศคิดเป็นร้อยละ 99 ของผลผลิตทั้งหมด โดยมีแนวโน้มบริโภคเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 2.53 ต่อปี สะท้อนถึงความนิยมในฐานะผลไม้เพื่อสุขภาพที่เข้าถึงง่าย
แม้ไทยจะได้รับโควตาปลอดภาษีกล้วยหอมทองไปญี่ปุ่นสูงถึง 8,000 ตันต่อปี
ตามกรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA)
แต่สามารถส่งออกได้จริงเพียงบางส่วนเท่านั้น
เนื่องจากข้อจำกัดด้านมาตรฐานและกระบวนการส่งออก
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยอยู่ระหว่างเร่งพัฒนาในหลายด้าน ทั้งคุณภาพผลผลิตและระบบโลจิสติกส์
พร้อมตั้งเป้าขยายโควตาส่งออกต่อปีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
และเพื่อให้สามารถขยายตลาดได้อย่างเป็นรูปธรรม
การส่งออกกล้วยหอมทองไปยังประเทศญี่ปุ่น ผู้ประกอบการและเกษตรกรที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องปฏิบัติ
ตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
เมื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้นครบถ้วนแล้ว
จึงสามารถดำเนินขั้นตอนการส่งออกกล้วยหอมทอง
ไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ตามลำดับ
- ขนส่งไปโรงคัดบรรจุ
- ตรวจสอบคุณภาพ
- ล้างทำความสะอาด
- ตัดแต่ง
- คัด
- บรรจุ
- การกักกันพืชส่งออก
- พิธีการศุลกากรส่งออก
- นำเข้า
- ตรวจสอบคุณภาพ
- พิธีการศุลกากร
- การนำเข้า
- บ่มในห้องบ่ม
- ตรวจสอบคุณภาพ
- รีแพ็ค
- ส่งมอบ
- กระจายสินค้า
- ขายให้ผู้บริโภค
ตั้งแต่การเพาะปลูก การดูแล ไปจนถึงการคัดแยก และการส่งออก ล้วนสะท้อนถึงความร่วมมือของเกษตรกร ผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือการผลักดันผลผลิตของไทยให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก หากเราสามารถรักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม กล้วยหอมทองจะไม่เป็นเพียงผลไม้ แต่จะเป็นสัญลักษณ์ แห่งความภาคภูมิใจของประเทศ
วิธีเล่น : พิมพ์คำว่า "กล้วย" แล้วตามด้วยสายพันธุ์